"http://comment-thai.com/pimp_glitter_15748.html"

“ เมื่อไหร่ …หนูจะได้กลับบ้าน ”

ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)

Teachings of Buddha Product by manoon Chongwattananukul

Bookmark and Share
Bookmark and Share

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ถุงช็อปปิ้งมีเชื้อโรค ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ เป็นอันตรายถึงชีวิต




ถุงช็อปปิ้งมีเชื้อโรค ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ เป็นอันตรายถึงชีวิต

Pic_93744

นัก วิจัยทั้งในอังกฤษและอเมริกา ต่างเตือนนักช็อปปิ้งทั้งหลายว่า ถุงใส่สิ่งของที่จับจ่าย อาจทำอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะมันกลายเป็นที่อยู่ ของจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเป็นพิษ ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

นักวิจัยในเมืองน้ำชาได้ทำการทดสอบถุงใส่ ของ ที่ลูกค้าหิ้วถืออยู่ 84 ราย พบว่ามีเชื้ออี.โคไล ซึ่งเป็นเชื้อก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ อันเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งเคยเกิดที่สกอตแลนด์ เมื่อ พ.ศ.2539 มีผู้ถึงแก่กรรมถึง 26 ราย

ขณะ เดียวกัน นักวิจัยมหาวิทยาลัยอริโซนาของสหรัฐฯ ได้ตรวจพบว่าถุงใส่ของหลายใบแปดเปื้อนด้วยเชื่้อซาลโมเนลลา อันเป็นเชื้อจุลินทรีย์ทำให้ท้องร่วง เชื้อที่พบมีปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดภัยร้ายแรงได้อย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งถึงชีวิต โดยเฉพาะพวกเด็กยิ่งจะเสี่ยงภัยมากที่สุด

ถุงใส่ข้าวของส่วนใหญ่ทำ ด้วยปอกระเจาหรือโพลี่โฟรไปลีนถัก แม้จะเป็นประโยชน์ ช่วยลดการทิ้งถุงพลาสติกในช่วงเวลา 3 ปีมานี้ได้ถึงร้อยละ 40 แต่ก็อาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากขาดการทำความสะอาดเป็นประจำ โดยได้พบว่าเจ้าของมันถึงร้อยละ 97 ที่ใช้ถุงซึ่งเป็นมิตรกับเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ไม่เคยซักล้างหรือพ่นอบเชื้อเลย.






วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ผลวิจัยเผยเด็กกทม.90% เสี่ยงรับความรุนแรงจากมือถือ

 

Pic_94710

ผลวิจัย พบ เด็ก กทม.กว่า 90% เสี่ยงเจอความรุนแรงจากโทรศัพท์มือถือ เพราะส่วนใหญ่จะไว้ติดต่อกับคนแปลกหน้า ส่วนเด็กต่างจังหวัดยังขาดพื้นที่แสดงศักยภาพ วอนสังคมในชุมชนช่วยดูแลเพราะจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ ดร.เพ็ญจันทร์ ประดับมุข-เชอร์เรอร์ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงโครงการวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดการทางสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาความ รุนแรงในเด็กและเยาวชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า ทีมวิจัยได้ศึกษาหารูปแบบการจัดการทางสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในเด็กและเยาวชน โดยศึกษาในพื้นที่ 10 ชุมชนจาก 8 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา นครปฐม บุรีรัมย์ นครราชสีมา เชียงใหม่ กระบี่และสุราษฎร์ธานี ซึ่งสถานการณ์โดยรวมพบเด็กมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในทุกพื้นที่ จำนวนเกินครึ่งของเยาวชนพบเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่อยู่รอบตัว และ 1 ใน 4 เป็นผู้กระทำความรุนแรงเอง รูปแบบมีทั้งการรีดไถ การข่มขู่เพื่อนด้วยวาจาหรืออาวุธ การชกต่อย ตบตี การยกพวกตีกันระหว่างกลุ่ม ระหว่างหมู่บ้าน หรือระหว่างชั้นเรียน การทำร้ายร่างกายแฟน หรือข่มขืนแฟน

โดยเฉพาะใน กทม.พบเด็กกว่าร้อยละ 90 มีมือถือในการติดต่อสื่อสาร รวมถึงการติดต่อพูดคุยผ่านอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่เคยพบปะหน้าตา เป็นโลกการสื่อสารผ่านทางอากาศที่นำไปสู่ความรุนแรงหลากหลายรูปแบบ รวมถึงความรุนแรงทางเพศ ขณะที่เด็กต่างจังหวัดพบข้อจำกัดของระบบโรงเรียน พื้นที่ที่ทำให้เด็กไม่สามารถแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่

ดร.เพ็ญจันทร์ กล่าวต่อว่า การจัดการทางสังคมในชุมชนเพื่อป้องกัน ดูแล และแก้ไขปัญหา เป็นยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยเฉพาะกลไกที่ให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมแก้ปัญหา และเปิดพื้นที่ให้เด็กได้แสดงตัวตนและศักยภาพ ส่วนครอบครัวแม้เป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหา แต่ข้อจำกัดคือครอบครัวยังมีความอ่อนแอ และมุ่งเน้นแต่การหารายได้เลี้ยงปากท้อง กลุ่มที่เป็นหลักสำคัญที่แก้ปัญหาได้ดีกว่าคือ ผู้นำชุมชน วัด และโรงเรียน นอกจากนี้จะต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นวาระของแผนพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น สร้างความเข้าใจและตระหนักในปัญหาอย่างลึกซึ้ง การจัดให้มีพื้นที่ทางสังคมในทางบวกสำหรับเด็กและเยาวชน การมีโครงสร้างและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่เกาะเกี่ยวกัน การมีกลไกทางสังคม ระบบโรงเรียน ครอบครัวที่เฝ้าระวัง สอดส่องวิถีชีวิตทางสังคมของเด็กและเยาวชนอย่างใกล้ชิด.

http://www.thairath.co.th/content/edu/94710

--
http://www.prachataiboard1.info/board/id/50088
http://hotspotshield.com
http://99it.blogspot.com/p/blog-page_21.html
http://www.redshirtinternational.org
http://norporchorusa.com/html/media/npcusa_radios.html
http://www.unblockanything.com
http://www.youtube.com/watch?v=Dyw-L8JSE2U
http://sanamluang.tv
http://thaitvnews2.blogspot.com
http://112victims.org
http://nonlaw.7forum.net/forum-f1/topic-t1169.htm

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เตือนห้ามคนกิน ว่านจักจั่น มีพิษจากเชื้อรา

เตือนห้ามคนกิน ว่านจักจั่น มีพิษจากเชื้อรา

Pic_92954

นัก วิจัยไบโอเทค ยืนยัน "ว่านจักจั่น"  ไม่ใช่ว่าน แต่เป็นตัวอ่อนจักจั่นที่ตายจากการติดเชื้อรา ย้ำไม่ควรนำมาบริโภคทั้งกินสด หรือต้มเพื่อรักษาโรคตามความเชื่อเด็ดขาด อาจทำให้วิงเวียน อาเจียนท้องร่วงรุนแรงได้...

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายสายัณห์ สมฤทธิ์ผล นักวิจัยห้องปฏิบัติการราวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงข่าวที่มีชาวบ้านจำนวนมากออกมาขุดหาว่านจักจั่น ในบริเวณป่าช้าวัดบ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เนื่องจากเชื่อว่าเป็นเครื่องรางของขลังที่ช่วยให้มีโชคลาภว่า ว่านจักจั่นที่ชาวบ้านพยายามขุดนั้น เป็นจักจั่นที่ตายจากการติดเชื้อรา คาดว่าเป็นตัวอ่อนในช่วงที่กำลังจะขึ้นมาลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยบนพื้นดิน

นัก วิจัยไบโอเทค กล่าวว่า ในระยะลอกคราบ ร่างกายจักจั่นจะอ่อนแอ เมื่อเจอกับฝนตกและอากาศที่ชื้น จึงมีโอกาสติดเชื้อราจากแมลงที่มีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติได้ง่าย กลายเป็นโรคและตายในที่สุด หลังจากที่จักจั่นระยะตัวอ่อนเสียชีวิต เชื้อราจะแทงเส้นใยเข้าไปเจริญในตัวจักจั่นเพื่อดูดน้ำเลี้ยงเป็นอาหาร และเจริญเติบโตเป็นโครงสร้างสืบพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายเขาบริเวณหัว มีหน้าที่ในการสร้างสปอร์เพื่อแพร่พันธุ์เชื้อรา จึงทำให้ดูเหมือนว่าจักจั่นมีเขา มีแขน มีขา โดยเราเรียกลักษณะที่เกิดขึ้นนี้ว่า ราแมลง

ซึ่งจากการเก็บ ตัวอย่างจักจั่นที่มีการขุดค้นพบในช่วงเดือน มิ.ย.ปี 2552 มาตรวจสอบ ในเบื้องต้นพบว่า เป็นราที่อยู่ในสกุล คอร์ไดเซพ (Cordyceps sp.) ส่วนจะเป็นชนิดใดนั้น ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบทางพันธุกรรม การนำว่านจักจั่น หรือราแมลงมาเก็บไว้กับตัว หากดูแลรักษาไว้ไม่ดีก็อาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากราบนตัวจักจั่นที่ขุดขึ้นมาอาจยังมีชีวิตอยู่และสร้างสปอร์ได้ และแม้ว่าจะนำมาทำความสะอาด หรือใส่กรอบเหมือนกรอบพระ ก็อาจจะยังมีราหลงเหลืออยู่ เพราะว่าราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กมาก อีกทั้งในช่วงนี้เป็นฤดูฝน อากาศมีความชื้นสูง หากเก็บรักษาไม่ดี จะทำให้มีเชื้อราชนิดอื่นๆ มาเจริญเติบโตซ้ำได้อีกหากเป็นเชื้อราที่ก่อโรคในคนแล้วก็จะยิ่งเป็น อันตรายอย่างมาก

นักวิจัยไบโอเทค กล่าวด้วยว่า ข้อควรระวังที่สำคัญ คือ ห้ามนำมารับประทานโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะกินสด หรือนำมาต้มน้ำดื่ม ตามความเชื่อที่ว่าช่วยรักษาโรคได้ เพราะแม้จะยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่แน่ชัดว่ามีพิษหรือไม่ แต่เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2552 ได้มีรายงานพบว่า มีชาวบ้าน จ.ร้อยเอ็ดนำว่านจักจั่นมาต้มน้ำรับประทาน ส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะ อาเจียน และท้องร่วงอย่างรุนแรง จนต้องนำส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ดี ราแมลงไม่ได้พบแค่เฉพาะจักจั่นเท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้ในแมลงทั่วไป เช่น หนอน ด้วง แมลงวัน มวน เพลี้ย ผีเสื้อ ปลวก แมงปอ และแมงมุม เป็นต้น ซึ่งชนิดของราที่พบก็จะแตกต่างกันไป จึงถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์หรือสิ่งแปลกประหลาด จึงอยากเตือนประชาชนให้ใช้วิจารณญาณ อย่าตกเป็นเหยื่อจากความเชื่อในครั้งนี้.

http://www.thairath.co.th/content/edu/92954


ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

"มะเขือยาว" อร่อยมีสรรพคุณ

"มะเขือยาว" อร่อยมีสรรพคุณ

Pic_93106

ปัจจุบัน พืชผักกินได้เกือบทุกชนิดมีราคาแพงมากจนบางครั้งหยิบแทบไม่ติด สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศในปีนี้แล้งจัดและอุณหภูมิสูง ทำให้เกษตรกรที่ปลูกพืชผักกินได้มีผลิตผลน้อยลง ซึ่งพืชผักบางชนิดแม้จะมีวางขายแต่จะไม่มีความสมบูรณ์ รูปทรงแคระแกร็นหรือหงิกงอ บางอย่างถึงกับขาดตลาดไม่มีวางขายเนื่องจากแห้งตายคาสวน จึงทำให้พืชผักกินได้มีราคาแพงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนแก้ไขปัญหาด้วยการปลูกพืชผักกินได้ชนิดปลูกง่ายโตไวลงกระถางตั้งใน บริเวณบ้านไว้เก็บกินเอง เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ กะเพรา โหระพา มะเขือเทศ สามารถแก้ไขได้ระดับหนึ่ง ซึ่ง "มะเขือยาว" เป็นพืชผักกินได้ ที่นอกจากปลูกเก็บผลรับประทานในครัวเรือนได้แล้ว บางส่วนของ "มะเขือยาว" ยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย จึงแนะนำให้ปลูกเสริมเพื่อเก็บผลกินในบ้านอีกชนิดหนึ่ง

มะเขือยาว หรือ SO-LANUM MELONGENA LINN. อยู่ในวงศ์  SOLA-NACEAE เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 1 เมตร ลำต้นเดี่ยว แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มแน่น กิ่งอ่อนมักมีขนละเอียดปกคลุมทั่วและมีหนามเล็กสั้นประปราย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปค่อนข้างกลม ปลายแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบหยักหรือเป็นคลื่น ท้องใบมีขนนุ่ม ผิวใบสีเขียวสด

ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆ หรือเป็นช่อ 3-5 ดอก มีกลีบดอก 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกัน ปลายกลีบแหลม ดอกเป็นสีม่วง กลางดอกมีเกสรตัวผู้ 5 อัน เกสรตัวเมีย 1 อันอยู่ติดกับกลีบดอก ก้านเกสรและอับเกสรเป็นสีเหลือง "ผล" รูปกลมยาว มี 2 ชนิดพันธุ์คือ พันธุ์ที่ผลเป็นสีเขียว กับ พันธุ์ที่ผลเป็นสีม่วง ผิวผลเรียบเกลี้ยงและเป็นมัน ขั้วผลมีกลีบเลี้ยงสีเขียวติดอยู่ เวลาติดผลดกและผลยาวห้อยลงจะดูสวยงามทั้งสีเขียวและสีม่วง ติดผลตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปัจจุบัน "มะเขือยาว" มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 15 แผง "คุณปืด" ราคาสอบถามกันเอง

ประโยชน์ทางสมุนไพร ลำต้นและราก แก้บิดเรื้อรัง อุจจาระเป็นเลือด แผลเน่าเปื่อยอักเสบ ใบ แก้ปัสสาวะขัด แก้โรคหนองใน พอกแผลบวมเป็นหนอง ผลแห้ง ทำเป็นยาเม็ดกินแก้ปวด แก้ตกเลือดในลำไส้ ขับเสมหะ ผลสด ตำพอกแผลอักเสบมีหนอง ขั้วผลแห้ง เผาเป็นเถ้าบดให้ละเอียดกินเป็นยาแก้ตกเลือดในลำไส้ครับ.

"นายเกษตร"

http://www.thairath.co.th/column/edu/paperagriculturist/93106
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

งบปฏิรูป 600 ล้าน-คุ้มค่าแค่ไหน


วันที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7155 ข่าวสดรายวัน


งบปฏิรูป 600 ล้าน-คุ้มค่าแค่ไหน


คอลัมน์ รายงานพิเศษ



ผล การประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยการปฏิรูป ตามแผนปรองดองเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้น 2 ชุด

ชุดหนึ่งคือคณะกรรมการ ยุทธศาสตร์การปฏิรูป มี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน อีกชุดคือคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ที่มี น.พ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน

เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศโดยการปฏิรูป และลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เทงบประมาณให้ถึงปีละ 200 ล้านบาท ดำเนินการ 3 ปี รวม 600 ล้านบาท

ท่าม กลางเสียงวิจารณ์จากบุคคลในแวดวงการเมือง นักวิชาการถึงแนวทางการทำงานที่กว้างเกินไปและการทุ่มงบฯให้มากถึง 600 ล้านบาท รวมถึงความไม่มั่นใจว่าแนวทางปรองดองจะสำเร็จหรือไม่

โคทม อารียา

ผอ.ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล

คณะ ทำงานของ น.พ.ประ เวศ วะสี และ นายอานันท์ ปันยารชุน ผมมองว่ากรอบการทำงานกว้าง แต่กว้างไปหรือไม่ ไม่รู้ แต่เป็นความตั้งใจของทั้งนายอานันท์ และน.พ.ประเวศ ที่สนใจเรื่องกว้าง

น.พ.ประเวศทำเรื่องปฏิรูป ประเทศมาปีกว่าแล้ว เมื่อได้มาตรงนี้ก็เป็นโอกาสให้ขับเคลื่อนการทำงานให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

กรอบ การทำงาน 3 ปี ที่ น.พ.ประเวศใช้คำว่า 999 วัน เป้าหมายการทำงาน คิดว่าเป็นรูปธรรมพอสมควร แต่จะทำได้จริงหรือไม่ ผมไม่รู้ เช่น สร้างคน 1 ล้านคน มาเป็นทูตช่วยทำประเทศให้น่าอยู่ มีองค์กรน่าอยู่ 1 หมื่นแห่ง เมืองน่าอยู่ 100 เมือง

เป้าหมายจะทำเป็นรูปธรรมได้หรือไม่ตอนนี้ยัง เร็วไปที่จะบอก แต่หากทำตามเป้าของน.พ.ประเวศ น่าจะใช้เงินเปลืองกว่าคณะกรรมการชุดนายอานันท์ เพราะต้องขับเคลื่อนทั่วประเทศ ส่วนของนายอานันท์ เป็นเชิงยุทธศาสตร์

ดังนั้น คิดว่างบฯ ที่ได้ 600 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของน.พ.ประเวศ น่าจะใช้ประมาณ 500 ล้าน

การ วิพากษ์วิจารณ์ตอนนี้ผมว่าน่าเป็นห่วง เพราะจะทำให้บรรยากาศไม่เอื้อในการทำงานเท่าไหร่ การจะทำงานต้องอาศัยความร่วมมือ จะทำแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้

กระบวน การของน.พ.ประเวศ อาจบอกว่าไม่มีการกีดกัน แต่ก็มีคนที่มีความรู้สึกว่าถูกกันออกไป ถือเป็นองค์ประกอบที่มีความเสี่ยง แต่หากทำได้สำเร็จ โดยใช้วิธีการนี้ พยายามทำงานระดับท้องถิ่นในหมู่บ้าน 100 แห่ง ใช้สื่อให้คนเกิดความหวังว่าอนาคตจะทำให้ไทยเป็นเมืองน่าอยู่ สร้างจินตนา การเป็นพลัง

ส่วนที่คนมีอารมณ์ยังไม่มาร่วม เมื่อเห็นการทำงานตรงนี้แล้วอาจหันมาเห็นประโยชน์ได้ คิดว่าไม่ใช่ขับเคลื่อนเฉพาะกระบวนการนี้ ต้องขับเคลื่อนให้มีพื้นที่ของฝ่ายที่โกรธเคืองด้วยก็คือเสื้อแดง

การ ทำงานของน.พ. ประเวศ นายอานันท์ ไม่เชิงปรองดอง แต่เป็นเชิงแก้ ปัญหาของประเทศทั่วไป หากปรองดองจะแก้ปัญหาได้ดี หรือกระบวนการแก้ปัญหาประเทศเกิดผลจะสร้างความปรองดองไปในตัวได้

ความจริงผมฝากความหวังกับคณะทำงานของนายคณิต ณ นคร มากหน่อย หวังผลระยะสั้น

ผม เคยเสนอความเห็นกับนายคณิต แล้วว่าภารกิจที่น่าจะเป็น คือ 1.การหาข้อเท็จจริง ฟังข้อมูลรอบด้าน นำมาเรียบเรียงเรื่องเล่าที่น่าเชื่อถือหรือยอมรับได้

อย่างน้อย เราก็รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น หากใครจะอยากมารับผิดชอบอย่างไรก็เกิดขึ้นตามมา ซึ่งการหาข้อเท็จจริงไม่ใช่การสืบสวนสอบสวน ไม่ใช่กระบวนการทางกฎหมาย

2.การ มีพื้นที่ของผู้ที่ถูกกระทำหรือเหยื่อ มาบอกว่าตัวเองได้รับความเสียหายอะไรบ้าง ผู้กระทำเข้ามารับฟัง มายอมรับ ถ้าเรามีส่วนทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้เกิดคนบาดเจ็บล้มตาย ทำลายทรัพย์สิน ออกมารับผิดชอบ หรือให้อภัยกัน เป็นความยุติธรรมเชิงเยียวยาฟื้นฟู

3.ควรพยายามเริ่มให้มีการพูด คุยระหว่างนปช.และรัฐบาล ซึ่งเคยทำมาแล้วเมื่อปลายเดือนเม.ย. แต่พอต้นเดือนพ.ค. ก็ผิดพลาดล้มเหลวอย่างน่าเสียดาย

กระบวนการ ปรองดองต้องทำ 2 ข้อแล้ว ต้องให้คู่กรณีจริงๆ มาพูดคุยกัน อาจมีข้อตกลงเบื้องต้น ถ้าไม่มีการเจรจา ไม่มีข้อตกลงเบื้องต้น การปรองดองก็เดินหน้าไม่ได้

การทำให้เกิดการปรองดองได้จริงต้องอาศัยองค์ประกอบเหล่านี้ร่วมกัน

?สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

คณะ กรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน และคณะกรรม การสมัชชาปฏิรูป ที่มี น.พ.ประเวศ วะสี เป็นประธานนั้น

ในขั้นแรกคณะกรรม การได้เสนอแนว ทางในการแก้ปัญหา แต่การเสนอขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะทำได้อย่างไรและจะทำได้ขนาดไหน

ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ฝังรากลึกมานาน ต้องใช้เวลานานในการแก้ไขปัญหา เบื้องต้นคิดว่ามีปัจจัยสำคัญคือ

1.คณะ กรรมการทั้งสองชุดจะต้องเสนอแนวทางปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลจะทำได้หรือไม่ ต้องดูในอนาคตเพราะบางเรื่องเกี่ยวข้องกับงบประมาณ

2.ปัญหา การเมือง การแก้ปัญหาดังกล่าวต้องมีการปฏิรูปรายได้ และอาจกระทบผลประโยชน์ของนักการเมืองได้ เช่น การเก็บภาษีที่ดินทำกิน การเก็บภาษีมรดก หากเป็นเช่นนี้รัฐบาลจะอยู่ในวิสัยที่กล้าทำหรือไม่ หากผลประโยชน์อันนั้นไปกระทบกับนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล

รวมถึงการ แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ตั้งใจทำกัน แต่พอจะทำก็มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองเข้ามายุ่ง แทนที่จะเดินหน้าไปถึงเป้าหมาย กลับทำไม่ได้

3.หากมีการปฏิรูปก็ต้อง มีหน่วยงานทางราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง คือกระทรวง ทบวง กรมแล้วระบบราชการของไทย ก็ทราบกันอยู่ว่าจะต้องพบกับอุปสรรคอะไรบ้าง

ส่วน ตัวคิดว่าคณะกรรมการชุดนี้อย่างเก่งก็ทำได้แค่เสนอแนวทางเพียงบางส่วนเท่า นั้น ส่วนงบประมาณที่รัฐบาลให้ปีละ 200 ล้านบาทนั้น เป็นเพียงงบฯ ดำเนินการเพื่อให้ความสนับสนุน

แต่แนวทางขับเคลื่อนปฏิรูประบบต่างๆ ของประเทศที่เป็นรูปธรรมจริงๆ นั้นเป็นไปได้ยาก

คิด ว่าสิ่งที่พอทำได้คือแค่เสนอแนวทางเป็นข้อสรุปว่าทำได้แค่ไหน เพราะดูแล้วมีขอบเขตที่จำกัด ต้องปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด และหากเปลี่ยนรัฐบาลการปฏิรูปก็อาจจะไม่ต่อเนื่อง

?ประสิทธิ์ โพธสุธน

ส.ว.สุพรรณบุรี

การ ที่รัฐบาลอนุมัติให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปของ นายอานันท์ ปันยารชุน และคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปของ น.พ.ประเวศ วะสี ภายใต้กรอบการทำงาน 3 ปี ในวงเงินถึง 600 ล้านบาท เพื่อใช้สร้างความปรองดองของคนในชาตินั้น

ในความเห็นขอบอกตรงๆ ว่าไม่เกิดประโยชน์ เป็นเพียงงบฯ โฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้เป็นข่าว สร้างภาพก็เท่านั้น

การ ที่รัฐบาลบอกปรองดองเป็นเพียงภาพที่พูดเพื่อให้สวยหรู สวนทางกับพฤติกรรมอย่างสุดขั้ว ปากบอกปรองดองแต่ขณะนี้กลับกดหัวไล่ล่าคนเสื้อแดง

เมื่อเป็นเช่นนี้ยังมองไม่เห็นว่าจะเกิดความปรองดองได้อย่างไร

ยืน ยันว่าการที่จะปรองดองได้ต้องเกิดจากความจริงใจ เพราะขณะนี้ก็ปรากฏชัดว่าความไม่เท่าเทียมกันยังคงอยู่ และอารมณ์ความโกรธแค้นของคนที่รอวันปะทุ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก

ทางที่ดีก่อนที่รัฐบาลจะทำอะไรควรกลับมา ย้อนดูตัวว่ามีความจริงใจต่อความปรองดองแค่ไหน ไม่ใช่ปากบอกอีกอย่าง แต่กลับทำอีกอย่าง อย่างนี้ใครเขาจะเชื่อถือ

ส่วนการตั้งคณะกรรมการ ชุดนี้ขึ้นมาเพื่อยื้อให้ตัวเองอยู่ในอำนาจหรือไม่นั้น ตรงนี้ขอสงวนความเห็น แต่ทุกอย่างมันมีความเป็นไปได้ เพราะปีหน้ารัฐบาลชุดนี้จะหมดวาระและมีการเลือกตั้งกันใหม่แล้ว

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEF5TURjMU13PT0=&sectionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB3TWc9PQ==
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon