"http://comment-thai.com/pimp_glitter_15748.html"

“ เมื่อไหร่ …หนูจะได้กลับบ้าน ”

ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)

Teachings of Buddha Product by manoon Chongwattananukul

Bookmark and Share
Bookmark and Share

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

"วิทยา"สั่งรื้อครุภัณฑ์เอสพี2-ไทยเข้มแข็งทั้งหมด ลั่นใครเอี่ยวทุจริตปลด สธ.สั่งชะลอซื้อ 6 เครื่องมือ

วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เวลา 17:53:27 น.  มติชนออนไลน์

"วิทยา"สั่งรื้อครุภัณฑ์เอสพี2-ไทยเข้มแข็งทั้งหมด ลั่นใครเอี่ยวทุจริตปลด สธ.สั่งชะลอซื้อ 6 เครื่องมือ
 


 

"วิทยา "สั่งรื้อครุภัณฑ์เอสพีทุกชนิด พบล็อคสเปคไฟเขียวคลายออกทันที ให้อำนาจ "ไพจิตร์" สอบเต็มที่ ลั่นถ้าพบเลขาฯเอี่ยวทุจริตพร้อมปลด ปลัด สธ.เบรกซื้อ 6 รายการ "แม่เลี้ยงติ๊ก-มานิต" ปัดกินข้าวคนขายรถพยาบาล


เมื่อวันที่ 2 ต.ค. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ทำหนังสือแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม สั่งให้ชะลอกระบวนการจัดซื้อครุภัณฑ์ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (เอสพี 2) วงเงิน 86,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 6 รายการตามที่หลายฝ่ายได้ท้วงติงความไม่เหมาะสม มีราคาแพงเกินควร และไม่เป็นไปตามความต้องการของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ส่อล็อคสเปคให้เอื้อต่อบริษัทเอกชนบางราย ขณะเดียวกัน บรรดาคนใกล้ชิดนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการ สธ. ต่างปฏิเสธข่าวนัดเจรจากับบริษัทผู้ขายรถยนต์ 2 ราย เพื่อให้ร่วมฮั้วราคาจัดซื้อรถพยาบาล

 

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข(สธ.) กล่าวเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมว่า ได้สั่งการให้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต รักษาราชการแทนปลัดสธ.ให้ดำเนินการตรวจสอบรายการครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่จะมีการจัดซื้อภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ( เอสพี 2 )หรือโครงการไทยเข้มแข็งใหม่ทั้งหมด หากตรวจพบว่า รายการใดมีการกำหนดสเปกเพื่อเอื้อให้บริษัทเอกชนเพียงบางแห่งก็ไฟเขียวให้ สามารถดำเนินการคลายสเปกทันที และให้รายงานให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรทุกวันและทุกขั้นตอน


"ขณะนี้มีทั้ง "ม" "ป" "ก" และ "ร" จนงงไปหมด แต่ถ้าตรวจสอบแล้วรู้ว่าเป็นใคร ถ้าอยู่ในอำนาจที่จะดำเนินการก็จะไม่ปล่อยไว้แน่ ไม่ว่านักการเมือง หรือข้าราชการประจำ และได้ให้นโยบายแก่ปลัดสธ.ในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ให้ถึงที่สุด ไม่ต้องกลัวใคร  ถ้าตรวจสอบแล้วพบก็ให้นำเรื่องจริงมาเปิดเผย ว่า มีนักการเมือง หรือแม้แต่เป็นผู้ที่มีตำแหน่งในรัฐบาล ก็ขอให้รายงานให้ตนทราบอย่างเต็มที่ จะต้องไม่มีการโยนบาปให้แพะ  โดยผมจะรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพราะถือว่า เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของรัฐมนตรีทุกคน ไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม” นายวิทยา กล่าว 


นายวิทยา กล่าวว่า หากคณะกรรมการตรวจสอบพบว่าข้าราชการประจำมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล็อกสเปก รายการครุภัณฑ์เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน จะต้องดำเนินการตามระเบียบราชการ ถ้าเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงในการลงโทษก็ดำเนินการทันที หากเป็นอำนาจตนก็พร้อมที่จะใช้อำนาจในการจัดการ และหากพบว่านักการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินทั้งทางการเมืองและกฎหมาย


"ผมได้สอบถามนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรูหรือแม่เลี้ยงติ๊ก ซึ่งเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่มีอักษรย่อ ต. และเป็นเลขานุการผมมาสอบถามแล้วว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไปพบบริษัทรถยนต์ เพื่อตกลงเกี่ยวกับการจัดซื้อรถพยาบาลหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ไม่เคยไปพบ ไม่รู้จักบริษัทเครื่องมือแพทย์  ผมก็ต้องเชื่อใจ แต่ในอนาคต หากมีการตรวจสอบพบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องผมจะดำเนินการทางการเมืองก่อน ด้วยการปลดออกจากตำแหน่งเลขาฯ และดำเนินการตามกฎหมาย เช่นเดียวกัน หากมีนักการเมืองพรรคอื่น เข้ามีเกี่ยวข้องกับการทุจริต ก็จะรายงานให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีทราบและพิจารณาต่อไป เพราะถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของรัฐบาล"นายวิทยากล่าว


ด้านนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพียงสั้นๆว่า รู้สึกตกใจและแปลกใจที่มีการระบุชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่าว่าแต่ไปกินข้าวกับบริษัทไหนเลย แม้แต่สามีตัวเอง ยังไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาเป็นเดือนแล้ว


เมื่อเวลา 11.00 น.  วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วย นพ.เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการ สธ. ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง การจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบยูวี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมฯ ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสธ. งบประมาณทั้งหมด 86,684.61 ล้านบาท


โดยนพ.ไพจิตร์ แถลงว่า ขณะนี้ ได้ทำหนังสือแจ้งถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ทั่วประเทศ สั่งให้ชะลอกระบวนการจัดซื้อครุภัณฑ์ในโครงการไทยเข้มแข็งเพิ่มอีก 6 รายการ ตามที่หลายฝ่ายได้ท้วงติงความไม่เหมาะสม ประกอบด้วย
1. เครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบยูวีหรือยูวีแฟน
2. เครื่องช่วยหายใจ
3. ครื่องดมยาสลบ
4. เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจหรือเซ็นทรัลโมนิเตอร์
5. เครื่องตรวจสารเคมีในเลือด และ
6. รถพยาบาล


โดยให้คณะกรรมการชุดตรวจสอบรายการที่เป็นปัญหา มีนายแพทย์เสรี หงษ์หยก เป็นประธาน ตรวจสอบให้เสร็จสิ้นใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า สธ. จะต้องจัดซื้อครุภัณฑ์ดังกล่าวหรือไม่ หรือต้องปรับปรุงแก้ไขราคากลาง หรือมีการล็อกสเปกหรือไม่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่สุด  ส่วนที่มีการระบุว่ามีสสจ. นครนายก และเลย จัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคฯ ไปแล้วนั้น ก็ไม่เป็นไร สามารถยกเลิกได้ เพราะยังไม่มีการทำสัญญาจัดซื้อ

 

 

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ เลขานุการคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมฯ กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มเสนอให้แจกเครื่องยูวี-แฟน ราคา 4 หมื่นบาทไปทั่วประเทศ แต่เมื่อรวบรวมข้อมูลความต้องการของทั้งประเทศพบว่ามีเครื่องดังกล่าว จึงไม่รู้ว่าใครสอดแทรกเข้ามาในรายการที่ รพ.ต้องการ


ทางด้านนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. กล่าวยันยันว่า ไม่เคยหารือหรือนัดเจอพูดคุยกับใคร เรื่องอะไรยังไม่รู้เลย ตอนนี้ไม่กล้าไปโรงแรม หรือร้านอาหารที่ไหนแล้ว เรื่องรถพยาบาลฉุกเฉินเพียงแต่เสนอความเห็นว่า ควรให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติมีส่วนร่วมกำหนดคุณลักษณะ เนื่องจากเป็นผู้ใช้โดยตรง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการกำหนดสเปคและยังไม่จัดซื้อเลย


"การที่มีข่าวอักษรย่อชื่อตัว ม. ตัว ต. ก็อาจโดนกันทุกคน จึงเห็นด้วยกับคุณวิทยาที่ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถือเป็นเรื่องดี" นายมานิตกล่าว

 

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความไม่โปร่งใสในโครงการจัดซื้อของ สธ.ว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเสียหายเชิงเม็ดเงินที่ลงไป ทราบก่อนหน้านี้แล้วว่ามีความพยายามของบุคคลที่จะแอบอ้างจัดซื้อจัดจ้างที่ ไม่โปร่งใส แต่เมื่อมีข้อร้องเรียนเกิดขึ้น ทำให้มีโอกาสตรวจสอบอย่างเข้มงวด ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม มองว่าเงินที่รั่วไปออกไป คงน้อยที่สุด เพราะการป้องกันไม่ให้เงินรั่วไหลทั้ง 100% คงเป็นไปไม่ได้

 


ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เรียกนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ นายกรณ์ และ น.ส.วลัยลักษณ์ ศรีอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ มาหารือเพื่อทบทวนโครงการไทยเข้มแข็ง หลังจาก ครม.อนุมัติการใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 2 แสนล้านบาท ล่าสุดประเมินว่าจะมีเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินที่จะนำใช้เพิ่มเติมได้อีก 1.5 แสนล้านบาท เพื่อรองรับโครงการต่างๆ ที่เป็นนโยบายสำคัญและอนุมัติเชิงหลักการไปแล้ว เช่น การประกันรายได้เกษตรกร กองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น คาดว่าจะเสนอให้ ครม.พิจารณาในวันที่ 13 ตุลาคมนี้


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1254480925&grpid=01&catid=
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น